วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ปอเปี๊ยะสด

ปอเปี๊ยะสด

อีกหนึ่งของเมนูอาหารเวียดนามที่เข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่สมัยก่อน หน้าตาจะเป็นแป้งใสๆบางๆ ห่อผักนานาชนิด ไม่ว่าเป็น แตงกวา แครอท ผักกาดหอม ผักชี ต้นหอม เส้นหมี่ลวก บางที่ก็จะเป็นมีหมูสับเป็นไส้ด้วย บางที่หรูหน่อยก็เป็นกุ้ง โดยวิธีทำเราก็มักจะซื้อแผ่นปอเปี๊ยะเวียดนามเลย พอได้มาก็จะพรมน้ำลงแผ่นนิดหน่อย จากนั้นก็จัดการวางผักลงไปให้เรียบร้อย แตงกวาจะทานเป็นผักแนม หรือจะหั่นเป็นแท่งเล็กๆ ใส่ไว้ในตัวแป้งเลยก็ได้ อร่อยชัวร์

วันพุธที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

หมูย่างตะไคร้

หมูย่างตะไคร้

เมนูที่ได้อิทธิพลมาจากประเทศเวียดนาม ปัจจุบันหาทานได้ไม่ยากนัก โดยหมูย่างตะไคร้นั้น ก็ตามชื่อเลย คือจะใช้กลิ่นหอมของตะไคร้เป็นตัวชูโรง บางคนอาจจะไม่ค่อยชอบเท่าไรนัก ดังนั้นเวลาแม่ค้าตามตลาดนัดมาทำขาย ก็มักจะลดปริมาณของตะไคร้ลง ให้แค่พอมีกลิ่นหอมเตะจมูกนิดๆเวลาย่าง โดยวิธีทำก็จะใช้หมูส่วนสันคอ (หรือส่วนอื่นก็ได้) มาหมักด้วย กระเทียม ซอสปรุงรส น้ำมันหอย น้ำปลา และตะไคร้ แต่ถ้าใครอยากเพิ่มความนุ่มและความมันลงไปอีก ก็ใส่นมสด หรือนมกล่อง ลงไปหมักเพิ่มก็ได้ จะทำให้หมูเด้งๆและนุ่มขึ้นอีกมากโขอยู่

ยำหมูยอ

ยำหมูยอ

อาหารประเภทยำนั้น นิยมรับประทานในบ้านเราเป็นอย่างมาก อาจจะเป็นเพราะว่า เป็นของลวก ไม่มีไขมัน ทานตอนกลางคืนก็ไม่ทำให้อ้วน และคอไม่แห้งเหมือนอาหารทอดต่างๆ แต่ว่าเวลาไปทานนอกบ้านนั้น ก็จะสังเกตได้ว่า ร้านไหนอร่อยๆนี่ ไม่ต้องสืบเลย ใส่ผงชูรสกันทีครึ่งช้อนทัพพี เห็นแล้วก็ผวาๆอยู่เหมือนกัน ไม่เพียงแต่หัวจะล้านก่อนกำหนดเท่านั้น ยังมีสารที่ทำให้ก่อภูมิแพ้อีกเพียบ สมัยก่อนเคยได้ยินว่า แม้แต่ประเทศญี่ปุ่นที่เป็นคนผลิตผงชูรสแท้ๆ แต่กลับห้ามจำหน่ายในบ้านตัวเอง อันนี้ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เค้าจะขายกันหรือยัง ฮ่ะๆ นอกเรื่องไปไกลเลย กลับมาที่ยำหมูยอกันครับ ปัจจัยสำคัญของอาหารประเภทยำ ก็คือน้ำยำ ส่วนมากแล้วจะทำน้ำยำไม่ค่อยอร่อย ทั้งนี้ก็มีปัจจัยหลายอย่างมากๆเลย แต่ถ้าเอาแบบง่ายๆ ก็ให้ผสมน้ำยำลงในถ้วยก่อน โดยส่วนประกอบก็จะมี น้ำปลา มะนาว น้ำตาลปี๊บ (น้ำตาลปี๊บจะหอมกว่าน้ำตาลทรายขาว แต่ถ้าใช้น้ำตาลทรายแดง กลิ่นก็ไม่ต่างกันเท่าไรนัก) คลุกเคล้ากันให้ดี ชิมรสตามใจชอบ ที่สำคัญคือไปตำพริกแดงพอละเอียด กลิ่นของพริกแดงจะช่วยเพิ่มความหอมของน้ำยำได้เป็นอย่างดี ส่วนถ้าใครอยากจะได้รสอูมามิ ก็ใส่ลงไปสักครึ่งช้อนชา พอให้รสชาติเข้ากัน จากนั้นก็ได้ลวกหมูยอ นำน้ำยำมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน ใส่ขึ้นช่าย หอมใหญ่ หอมแดง โรยหน้าด้วยถั่วลิสง ตักใส่จานทานได้เลยครับพ้ม

วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

คุยไปเรื่อยๆในเรื่องงานรับแปลเอกสาร

รับแปลเอกสาร
ศูนย์แปลเอกสาร mrgoodjobs ให้บริการรับแปลภาษา รับแปลเอกสารภาษาอังกฤษ จีน ญี่ปุ่น โดยสามารถรับแปลเอกสารได้ทุกประเภท เช่น
แปลเอกสารด้านวิชาการ แปลเอกสารสำหรับนักศึกษา
เอกสารประกอบการศึกษานั้นมีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นบทคัดย่อ วิทยานิพนธ์ งานวิจัยจากต่างประเทศ การแปลนั้นจำเป็นจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนั้นๆเป็นอย่างดี ทั้งนี้เพื่อให้เอกสารที่แปลไปนั้น สามารถนำไปใช้งานได้อย่างแท้จริง ซึ่งทางเราเองก็เข้าใจในเรื่องนี้เป็นอย่างดี และคัดสรรนักแปลเฉพาะทางที่มีความรู้ความสามารถในด้านเฉพาะทางต่างๆไว้รองรับสำหรับงานนี้โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น รับแปลเอกสารทางด้านวิศวะ เครื่องจักร ไฟฟ้า วิทยาศาสตร์ และเมื่อนักแปลมีความสามารถเฉพาะทางนั้นๆเป็นอย่างดีแล้ว นอกจากผลงานที่ได้จะได้ศัพท์ตามที่สายงานนั้นๆใช้แล้ว ยังสามารถแปลงานได้เร็วอีกด้วย เพราะเป็นภาษาที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีแล้ว ก็ไม่ต้องเสียเวลาในการค้นหาศัพท์เทคนิคใดๆ
แปลเอกสารราชการเพื่อใช้ติดต่อสถานทูต หรือยื่นรับรองเอกสารที่กรมการกงสุล
บริการ รับแปลเอกสาร ที่เป็นเอกสารราชการของเรานั้น มีให้บริการแปลอยู่ 3 ภาษา ได้แก่ อังกฤษ จีน และญี่ปุ่น โดยแต่ละภาษานั้น จะมีคนที่เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะเป็นผู้แปล แต่ละคนก็ถือว่าคร่ำหวอดในวงการแปลเอกสารมาอย่างยาวนาน อย่างภาษาอังกฤษนี้ ทางเราก็เปิดให้บริการแปลเอกสาร ตั้งแต่เมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว ปรับเปลี่ยนทุกอย่างตามหลักราชการ ปัจจุบันนั้นการยื่นเอกสารของเรา แทบจะไม่มีการตีกลับจากทางกงสุลเลยก็ว่าได้ เนื่องจากว่าได้แปลเป็นประจำอยู่ทุกวัน ดังนั้นคำสะกด ชื่อถนน เขต จังหวัด การสะกดชื่อ ทุกๆอย่างที่เป็นราชการ แทบจะไม่ต้องเปิดดูเปิดหา เพราะสิ่งเหล่านี้แทบจะฝังในสมองกันเลยทีเดียว ^^”  ส่วนบริการ รับแปลเอกสาร ประเภทเอกสารราชการภาษาญี่ปุ่นนั้น หากกล่าวไปก็อาจจะดูเหมือนโม้ แต่ถ้าเปรียบเทียบสถิติการแต่งงานกับชาวญี่ปุ่นของคนไทยต่อปีแล้ว ผมเชื่อว่า อย่างน้อยๆ 10%-20% ของเอกสารยื่นสถานทูตญี่ปุ่นทั้งหมด มาจากทางนักแปลของเราอย่างแน่นอน เกือบ 10 ปีที่แปลเอกสารราชการภาษาญี่ปุ่นมา จนถึงตอนนี้ สามารถรองรับงานด่วนวันต่อวันได้อย่างดีมาก ลูกค้าหลายๆท่านที่อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น บางทีกำลังเดินเรื่องอยู่ ขาดใบโน้นใบนี้ ก็สามารถแจ้งมาได้ทันที ถ้ากรณีอย่างนี้ เราแทรกให้สบายครับ และที่สำคัญ เราไม่เคยคิดค่าบริการแปลด่วน เพราะปกติก็แปลเร็วอยู่แล้ว เลยไม่รู้ว่าจะคิดค่าด่วนอีกทำไม ถึงแม้จะเป็นคำสอนของคนรุ่นเก่า แต่พวกเราก็ยังยึดมั่นคติที่ว่า “ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน” อยู่เสมอ
รับแปลเอกสารภาษาอังกฤษ
บริการรับแปลเอกสารภาษาอังกฤษ สำหรับเอกสารทุกประเภท ในงานรับแปลภาษาอังกฤษของเรานั้น เนื่องจากว่าเปิดให้บริการมาเป็นเวลาค่อนข้างนาน ทำให้มีนักแปลที่มีฝีมือร่วมงานด้วยกันเยอะ และงานแปลก็ค่อนข้างรองรับได้ในปริมาณที่มาก เพราะสามารถกระจายงานเฉพาะทางในนักแปลที่มีความสามารถในด้านนั้นๆได้ และทางนักแปลประจำบริษัทก็สามารถรองรับงานด่วนได้เป็นอย่างดี  และที่สำคัญคือลูกค้าสามารถติดต่อเราได้แทบจะ 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว และไม่ใช่ติดต่อได้เพียงอย่างเดียว คุณๆอาจจะนึกไม่ถึงเหมือนกันนะครับว่า นอกจากนักแปลกลางวันแล้ว ก็ยังมีสิ่งเล็กๆที่เรียกว่า นักแปลกลางคืนอยู่ด้วย  เรามีนักแปลที่รองรับงานรอบดึกโดยเฉพาะ ดังนั้นในกรณีที่เร่งด่วน ดึกแค่ไหนท่านก็ส่งเมลล์พร้อมแนบเอกสารที่ต้องการแปลให้เราได้ แฮ่ๆ แต่ไม่ต้องโทรนะครับ นักแปลไม่หลับแต่ผมอะหลับไปแหล่ว ฮา.. อ่ะ เอาเป็นว่า บริการรับแปลเอกสารของเราเนี่ย เหมือนเซเว่นดีๆนี่เองแหละครับ อยากแปลเมื่อไรก็เมลล์มา
งานแปลเอกสารที่ดีเป็นอย่างไร
ตั้งแต่รับแปลเอกสาร มาก็หลายปี เห็นงานแปลของนักแปลมาก็ไม่น้อยเลยทีเดียว มีตั้งแต่ระดับเยี่ยมยอดกระเทียมดอง จนถึงจับยัดเข้าโปรแกรมแปลภาษา แล้วปรับแต่งนิดหน่อย ส่งเลย อันนี้ก็ปวดหัวกันไปทีเดียว  บางงานแปลเป็นไทยแท้ๆแต่คนไทยอย่างเราก็ยังอ่านไม่เข้าใจก็มี  ทั้งนี้ลูกค้าที่เป็นกลุ่มนักศึกษา ที่ใช้บริการแปลเอกสารกันบ่อยๆก็น่าจะเข้าใจดี ถ้าเจอศูนย์แปลที่ตรวจงานก่อนส่ง ลูกค้าก็จะโชคดีไป แต่ถ้าไม่ตรวจ หรือตรวจแต่ไม่แก้ไข อันนี้ก็รับเคราะห์กันไปตามระเบียบ  งานแปลเอกสารที่ดีในความคิดของผมนั้น พบว่า คนที่ชำนาญภาษาอังกฤษมากๆ เวลาที่จะถ่ายทอดออกมาเป็นภาษาไทย อาจจะไม่ได้สวยมากเท่าไรนักก็ได้ การแปลจากภาษาอังกฤษเป็นไทยนั้น อาจจะบอกว่าเป็นตัวปราบเซียนเลยก็ว่าได้ เพราะหากอ่านรู้เรื่องอยู่คนเดียว แต่ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาได้ ก็ไม่มีความหมายอะไร ภาษาไทยที่แปลมาจะต้องเก็บคำตามต้นฉบับให้ครบ (เกือบทั้งหมด) และถ่ายทอดเจตนารมณ์ของผู้เขียน (ต้นฉบับ) ออกมาให้ไม่ผิดเพี้ยน ภาษาที่ค่อนข้างเฉพาะเช่นงานวิจัย ตัวผู้แปลก็จะต้องเข้าใจความหมายอย่างดี และรู้ว่าคำไทยเค้าใช้กันอย่างไร  ในเรื่องของเอกสารงานวิจัย หรือบทคัดย่อนี้ มีให้เห็นได้บ่อยๆว่า นักแปลสูงอายุ อาจจะแปลได้ไม่ดีเท่ากับนักศึกษาจบใหม่ ที่รับแปลงานให้เพื่อนๆตั้งแต่ปี 3 แล้วก็ได้ เพราะเป็นภาษาที่พวกเค้าใช้กันอยู่ตลอด ดังนั้นการแปลก็จะรวดเร็วและไพเราะกว่า อันนี้เป็นเรื่องธรรมดา เคยอ่านงานบางงาน ต้นฉบับนั้นเป็นแบบเรียนสอนเด็กอนุบาล แต่ทางนักแปล แปลออกมาซะคนจบปริญญายังอ่านแทบไม่รู้เรื่อง  อย่างนี้ก็มีให้ได้พบอยู่บ่อยๆ ดังนั้นหากคิดจะฝึกฝนการแปลแล้ว ควรหาต้นฉบับนิยายหรือต้นฉบับวรรณกรรมของต่างประเทศที่มีแปลไทย มาลองหัดแปลเองซะก่อน แปลเสร็จแล้วก็ตรวจสอบดูว่าเขาใช้คำอะไร สำนวนของแต่ละคนแตกต่างกันก็จริงอยู่ แต่หากจับจุดเทคนิคของนักแปลเก่งๆ มาเป็นของตัวเองได้ล่ะก็ จะพัฒนาตัวเองในสายงานนี้ได้อีกมากอย่างแน่นอน  ในตอนเริ่มแรกอาจจะเริ่มจากเรื่องง่ายๆ เช่น 5 สหายผจญภัย ฮ่ะๆ เก่ามากเลย แต่ถือว่าเป็นครูจริงๆ เพราะผู้แปลคือ คุณกัณหา แก้วไท (อาจจำชื่อผิดขออภัยด้วยครับ) แปลไว้ได้ดีมากๆ ได้อรรถรสครบถ้วน เลือกตัดคำที่ไม่จำเป็นออกไป เพิ่มคำที่ทำให้รูปประโยคสวยงามและสมบูรณ์ขึ้นเข้ามา วิธีการฝึกเราก็จะแปลทีละหน้าเลยครับ แปลไปเรื่อยๆ แปลจนจบเล่มเลยยิ่งดี แต่เวลาแปลนั้น ให้ตรวจเช็คกับทางคำแปลฉบับไทย ทีละหน้า หาจุดที่เราข้องใจ ว่าเค้าแปลยังไง เค้าเชื่อมรูปประโยคอย่างไรให้สวยงาม  เมื่อฝึกอย่างนี้ไปเรื่อยๆได้ประมาณ 1 ปี รับรองว่างานแปลเอกสารจากภาษาอังกฤษเป็นไทยของคุณ จะต้องรวดเร็วและภาษาสวยงามมากขึ้นอย่างแน่นอน
แปลเอกสารราชการ ยากไหม?
อันนี้เป็นคำถามที่คนไม่เคยแปลงานแนวนี้มาก่อน ปวดหัวเป็นอย่างมาก ตราประทับแปลยังไง ตรงรูปถ่ายทำอย่างไร แล้วเจ้าพนักงานนี่ต้องแปลว่าอะไร  แม้กระทั่งคำที่ปรากฏในทะเบียนบ้าน เช่น ตึกแถว จะใช้คำภาษาอังกฤษว่าอย่างไรดี แค่นี้ก็มีจุดให้ปวดหัวเยอะแยะมากมายแล้ว แถมยังจะมีประโยคที่เรียนมาทั้งชีวิตอาจไม่เคยเห็น อันนี้ก็มีอีกเช่นกัน การจัดหน้ากระดาษทำอย่างไร ต้องเหมือนหมดไหม ถ้าต้นฉบับเป็นอังกฤษคำจีนคำ แปลยังไงดี ฯลฯ จริงๆแล้ว การฝึกแปลเอกสารราชการนั้น ทำได้อย่างเดียวคือ เข้าไปสมัครงานกับศูนย์แปลเอกสาร แถวๆถนนวิทยุ หน้ากงสุล หรือหน้าสถานทูตต่างๆ เช่น หากเราต้องการเป็นนักแปลภาษาญี่ปุ่น เราก็ไปแถวๆสถานทูตญี่ปุ่นเลย เดินสมัครงานให้ทั่ว เงินเดือนไม่ต้องไปเรียกอะไรมากมาย ขอแค่วิชาความรู้ เพราะวิชาความรู้แนวนี้ หาที่สอนไม่ได้อย่างแน่นอน  โดยนักแปลเอกสารราชการที่ชำนาญแล้ว สามารถแปลเอกสารราชการได้วันละกว่า 20-30 ใบ เลยทีเดียว เรียกว่าหลับตาก็ยังฝันเป็นเอกสารเลยทีเดียว
รับแปลเอกสาร ทางธุรกิจ ทางบัญชี ทุกประเภท
สำหรับเอกสารทางบัญชี ไม่ว่าจะเป็นงบการเงิน หมายเหตุท้ายงบ รายรับรายจ่าย การแปลนั้น จะค่อนข้างพิถีพิถันพอสมควรเลย (สำหรับผมนะ) เพราะจำได้ว่า ในสมัยแรกๆที่ทำงานนั้น ลูกค้าท่านนึงได้ติกลับมาว่า ที่แปลมาน่ะ ไม่ผิด แต่มันไม่ใช่ภาษาบัญชี เอกสารอย่างนี้ อายเขา  เราก็จำมาโดยตลอด ทุกวันนี้จะแปลเอกสารบัญชีก็จะส่งให้นักแปลที่เป็นผู้ตรวจสอบบัญชีเป็นคนแปลซะเลย ภาษาก็ไม่ต้องห่วง เพราะสาขาของเขาโดยตรง พอเอากลับมาอ่านและเปรียบเทียบกันก็จะรู้เลยว่า อืม เราแปลไปแย่จริงๆด้วยแฮะ 555 ปัจจุบันเวลาลูกค้ามาสอบถามและให้แจ้งเสนอราคา เราก็จะบอกก่อนเลยว่า ราคาคงไม่ถูกแน่ๆล่ะ เพราะคนแปลเป็นผู้สอบบัญชี โดยตรง แต่เวลาเอาไปแล้วเนี่ย สามารถใช้ได้จนบริษัทจะเปลี่ยนหมายเหตุเลย เพราะเราจัดส่งเป็นทั้ง word และ excel ให้พร้อมที่จะนำเอกสารที่แปล ไปปริ้นได้เองตลอด ดังนั้นแค่เปลี่ยนปีพศ และปรับนิดหน่อย ก็สามารถแปลงบปีต่อๆไปได้เอง โดยไม่ต้องมาจ้างอีกเลย 

คำถามอีกคำถามหนึ่งที่มักจะได้รับการสอบถามอยู่เสมอว่า ทำไมราคาค่ารับแปลเอกสารภาษาญี่ปุ่น  จากการแปลเอกสารภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาไทย กับแปลไทยเป็นภาษาญี่ปุ่น จึงได้ต่างกัน และทำไมรับแปลเอกสารจากภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาไทยถึงได้แพงกว่า ในเรื่องนี้สามารถตอบได้สองข้อคือ หนึ่งนักแปลของเราเป็นชาวญี่ปุ่นอยู่แล้ว ดังนั้นการที่แปลจากไทยเป็นญี่ปุ่นจึงไม่ใช่เรื่องยากเลย และสอง คำในภาษาไทยที่เขียนกันยาวๆนั้น หากแปลเป็นภาษาญี่ปุ่นแล้วอาจจะเหลือเพียงไม่กี่บรรทัด เพราะภาษาญี่ปุ่นจะมีตัวอักษรคันจิ ซึ่งคันจิแค่เพียงตัวเดียว อาจแทนภาษาไทยได้ถึง 3-5 พยางค์เลยก็ได้ ดังนั้นการแปลจากไทยเป็นญี่ปุ่นจึงถูกกว่า และในทางกลับกัน ตัวคันจิของภาษาญี่ปุ่นเพียงตัวเดียว กลับต้องแปลและแต่งความหมายให้เป็นภาษาไทยหลายคำ ตรงจุดนี้จึงทำให้ค่าบริการในการรับแปลเอกสารภาษาญี่ปุ่นเป็นไทยกับไทยเป็นญี่ปุ่น จึงมีความแตกต่างกัน และไม่เพียงเฉพาะภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น ภาษาจีนและเกาหลี ก็มีหลักการในการพิจารณาเดียวกัน โดยเฉพาะจีนแล้ว จะใช้ตัวอักษรคันจิเยอะกว่าญี่ปุ่นมาก บางครั้งเห็นเอกสารจีนดูว่ามีไม่กี่ตัว แต่พอแปลเป็นไทยแล้ว ยาวเป็นพรืดเลยก็มีบ่อย  ซึ่งเรทรับแปลเอกสารภาษาญี่ปุ่นเป็นไทยของเรานั้นก็อยู่ที่ประมาณ คำละ 0.8-0.9 บาท แต่ถ้าไทยเป็นญี่ปุ่นก็จะเหลือเพียง 0.5-0.6 บาทต่อ 1 คำเท่านั้น

เฝอ

เฝอ

อาหารขึ้นชื่อของทางประเทศเวียดนาม หน้าตาคล้ายก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กบ้านเรา มีส่วนประกอบที่เพิ่มเติมมา คือกะปิเผา ที่สร้างกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของเฝอ โดยส่วนประกอบโดยรวมได้แก่ เส้นเล็ก หมูยอ ถั่วงอก มะนาว พริกแห้ง กระปิเผา กระเทียมเจียว มีทั้งน้ำและแห้ง ถ้าทำเป็นน้ำขลุกขลิกก็จะใส่น้ำซุปกระดูกหมูลงไปด้วย โดยน้ำซุปนั้นก็จะคล้ายๆน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวบ้านเรา จะมีกลิ่นของข่า และหอมใหญ่ มาช่วยชูความหอมให้กับเฝอ ถือว่าเป็นอาหารที่อร่อยและเปี่ยมไปด้วยสมุนไพรจริงๆ

แหนมซี่โครงหมู

แหนมซี่โครงหมู

อีกหนึ่งในอาหารเวียดนามที่มักพบได้บ่อยตามสวนอาหารยามราตรี *0*  ลักษณะก็จะคล้ายๆกับแหนมทั่วไป เพียงแต่เปลี่ยนมาเป็นซี่โครงหมูแทน ซึ่งส่วนผสมที่สำคัญก็จะประกอบไปด้วย ซี่โครงหมูนำมาล้างให้สะอาดแล้วก็ผึ่งจนแห้งดี จากนั้นก็นำข้าวเหนียว (สุก) มาคลุกกับกระเทียม พริกไทย เกลือ และใส่ซี่โครงหมูลงไป จากนั้นก็นำมาห่อด้วยใบตองมัดไว้ให้แน่น ทิ้งไว้สักคืนนึงก็เป็นอันใช้ได้ อาจจะไม่ได้เปรี้ยวถูกใจคอเหล้าเท่าไรนัก แต่เรื่องท้องเสียไม่ต้องกังวล เพราะทิ้งไว้พักๆ พอให้เข้าเนื้อเท่านั้น แต่ถ้าอยากจะทิ้งหลายวัน แนะนำว่าใส่ตู้เย็นช่องธรรมดาก็น่าพอได้อยู่ ยิ่งอากาศร้อนๆในบ้านเราตอนนี้ ถ้าผึ่งไว้ข้างนอก น่าเป็นห่วงว่าจะได้กินแหนมเปรี้ยวหรือแหนมบูด 55

วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556

พันหอม

พันหอม
พันหอมเป็นอาหารเวียดนาม ที่มีลักษณะอาหารตามชื่อของมันเดี๊ยะเลย ก็คือนำอาหารมาห่อๆรวมกันและพันด้วยต้นหอมนี่เอง เครื่องที่ใส่ก็จะประกอบไปด้วย กุ้ง หมูยอ ไข่ แนมด้วยผักต่างๆเช่น ผักกาดหอม แครอท โหระพา ผักชีฝรั่ง วิธีการทำก็จะนำไข่เจียวตัดแบ่งเป็นชิ้นพอดีคำ มาห่อผัก กุ้ง หมูยอ จากนั้นก็พันด้วยต้นหอมเป็นอันจัดใส่จานได้เลย

พันหอมนี้ มีหน้าตาคล้ายกับเมี่ยงปลาทูบ้านเราเป็นอย่างมาก เพียงแต่ของบ้านเราจะเน้นถั่วลิสง ขิง และพริกเป็นหลักเท่านั้นเอง 

แหนม

แหนม
เคยสงสัยกันไหมครับ ว่าแหนมที่รสชาติเปรี้ยวๆ แกล้มเบียร์อร่อยนักแล นั้นทำมาจากอะไร เคยยืนคุยกับพ่อค้าแหนมที่ขายแหนมมาตั้งแต่ยังหนุ่มๆ จนตอนนี้แก่กึ๊กแล้วก็ยังปิ้งแหนมขายอยู่ ซึ่งแหนมเค้าจะไม่ค่อยเหมือนแหนมสมัยใหม่สักเท่าไร เพราะเป็นแหนมปิ้งลูกกลมๆเล็กๆ ราคายังขายลูกละแค่ 1 บาทเอง ยังเคยถามลุงแกเหมือนกันว่า ทำไมแกไม่ขึ้นราคา แต่ก็อย่างว่าแหละ ถ้าขายเกินลูกละบาท คนก็หาว่าแพงอีก แกก็เลยขายลูกละบาทมาได้จะ 20 ปีแล้วมั้ง ฮ่ะๆ นอกเรื่องไปไกลเลย กลับมาที่ส่วนประกอบกัน

วิธีทำแหนมเราจะใช้เนื้อหมูไม่ติดมันมาผสมกับหนังหมู ข้าวสุก กระเทียม เกลือ และก็ไส้หมู ถ้าจะทำเป็นลูกเล็ก จะต้องใช้ไส้หมูส่วนปลายๆ ซึ่งเวลาล้างก็จะเหนื่อยเป็นพิเศษ แต่ถ้าใครขี้เกียจจะใช้พลาสติกก็ไม่ได้ผิดกฎอะไร เมื่อนำส่วนผสมทั้งหมดคลุกเคล้าให้เข้ากันแล้ว ก็จะนำไปยัดลงไส้หมู จากนั้นก็แขวนทิ้งไว้สักคืน (ถ้าหลายคืนก็เปรี้ยวขึ้น แต่อาจจะไม่ค่อยดีต่อสุขภาพเท่าไรนัก ถึงแม้ว่าเกลือจะถนอมอาหารก็ตาม) 

วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556

แหนมทอด

แหนมทอด

ชื่อนี้หลายๆคนคงเคยได้ยินบ่อยๆ ผมเองก็เรียกแหนมทอดเสียจนสนิทปาก แต่จริงๆแล้ว ส่วนประกอบของเมนูนี้ก็คือ ข้าวทอด กับแหนม นั่นเอง วิธีการทำก็ไม่ได้ยากอะไรเลย เอาข้าวกับพริกแกงมาคลุกๆรวมกัน แล้วก็นำไปทอดจนกรอบๆแข็งๆ นั่นแหละแหล่มเลย จากนั้นก็เอามาคลุกกับแหนมหั่น ใส่ถั่วลิสง ขิงซอย ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว ผงชูรสจิ๊ดนึง ผักก็นิยมใส่หัวหอมแดง ผักชี สะระแหน่ ผักกาดหอม เจ้าพ่อคุณเอ๊ย คิดแล้วน้ำลายไหลจริงๆ 555

เส้นหมี่หมูยอ เมนูเวียดนามขึ้นห้าง

เส้นหมี่หมูยอ เมนูเวียดนามขึ้นห้าง

เส้นหมี่หมูยอเป็นเมนูที่พบได้บ่อยในร้านอาหารเวียดนาม โดยจะใช้เส้นหมี่ลวกๆแล้วมาพันให้พอดีคำ ทานแกล้มกับหมูยอ ขิง ถั่วงอก คู่กับน้ำจิ้มที่มีลักษณะคล้ายๆกับน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะบ้านเรา โดยจะนำด้วยรสเปรี้ยวหวานของน้ำส้มสายชูและน้ำตาลเคี่ยว ผสมความเผ็ดด้วยพริกชี้ฟ้า กระเทียม เกลือ  แต่ข้อแตกต่างคือ เค้าจะนำหัวไชเท้าขูดฝอยและแครอท ลงไปเคี่ยวกับน้ำจิ้มด้วย ทำให้เกิดความหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของอาหารเวียดนามโดยเฉพาะ

วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ขนมเบื้องญวน - อาหารของชาวเวียดนามที่นิยมในไทย

ขนมเบื้องญวน

อาหารเวียดนามที่หาทานได้ง่ายในบ้านเรา รถเข็นข้างทางก็ยังมีวางกันอยู่ หรือจะตามตลาดนัดก็เห็นได้ง่ายๆ ลักษณะของขนมเบื้องญวนจะเป็นแป้งกรอบๆ ห่อไส้หวานๆ ที่ประกอบไปด้วย กุ้งสับ มะพร้าวขูด กระเทียมพริกไทย หรือกรณีเป็นไส้หวาน ก็จะประกอบไปด้วย เต้าหู้ ถั่วงอก หัวไชโป๊ว ถั่วลิสงป่น ไส้หวานนั้นจะมีความคล้ายคลึงกับผัดไทเป็นอย่างมาก 

ผัดคะน้าหมูกรอบ อาหารยอดฮิตของชาวร้านอาหารตามสั่ง

ผัดคะน้าหมูกรอบ
เป็นเมนูที่นิยมเป็นอันดับต้นๆเลย เมื่อไรก็ตามที่เดินเข้าร้านอาหารตามสั่ง หลายๆคนก็มักจะนึกถึงคะน้าหมูกรอบทันที ผักขมๆ ตัดกับความกรอบของหนังหมู แต่ก็น่าเสียดายอยู่เหมือนกันที่สมัยนี้ แม่ค้าอาหารตามสั่งเยอะจนไม่รู้ว่าเจ้าไหนมีฝีมือจริงๆ  จริงๆแล้วสูตรผัดผักนี้ ไม่จำกัดเฉพาะเพียงคะน้าหมูกรอบเท่านั้น ผัดอะไรก็ได้เหมือนกัน แค่นี้เราก็ประยุกต์ผัดผักได้อีกเพียบแล้ว มาดูวิธีทำกันครับ
ก่อนอื่น ต้องมีหมูกรอบ แน่นอน วิธีทำหมูกรอบเอาไว้เสนอตอนหน้านะครับ จากนั้นเราก็ต้องมีคะน้า คะน้าก็จะมีอยู่สองแบบ ถ้าเราไปซื้อที่ตลาดกลางวัน ก็มักจะได้คะน้าต้นโตๆใหญ่ๆ ต้องมานั่งปลอกเปลือกทิ้งตรงที่เป็นซังๆอีก แต่ถ้าไปเดินตลาดเช้าได้ เราก็จะได้เห็นพวกยอดคะน้า ก้านเล็กๆ กินได้ทั้งใบทั้งก้าน ไม่ต้องมาตัดทิ้ง ในราคาที่แทบจะไม่ต่างกันเลย เผลอๆ คะน้าเล็กจะถูกกว่าคะน้าต้นใหญ่ซะด้วยซ้ำ
วิธีทำก็จะเริ่มจาก โขลกกระเทียมกับพริกแดงเตรียมไว้ ตั้งกระทะใส่น้ำมันพอประมาณ เยอะมากไปก็กลายเป็นคะน้าจมน้ำมัน ไม่อร่อยๆ เอาแค่พอขลุกขลิก จากนั้นเบาไฟเป็นไฟอ่อน นำกระเทียมและพริกที่โขลกไว้แล้ว ลงไปผัดจนจามได้สักสองสามที จากนั้นก็เพิ่มเป็นไฟแรง หย่อนคะน้าลงไปผัดตูมๆ หมูกรอบ ผัดโช้งๆเช้งๆสามที เอาขึ้นได้เลย  *** ข้ามขั้นตอนมานิด ก่อนอื่นให้เตรียมคะน้าใส่จาน จากนั้นปรุงด้วยน้ำมันหอย ซอสปรุงรส และน้ำตาลปลายช้อนเอาไว้ตัดรส โดยความเค็มจะมาจากซอสปรุงรสฝาเขียวอย่างเดียว ไม่ต้องเติมหลายอันนะครับ ไม่งั้นเค็มตายเลย 555+ 

ปีกไก่เหล้าแดง ของดีประเทศไทย

ปีกไก่เหล้าแดง

วิธีการทำ ก็จะนำปีกไก่ มาหมักด้วยเกลือและพริกไทยสักพัก จากนั้นก็นำไปเข้าเตาอบ หรือถ้าไม่มีก็เตานึ่งก็ได้ พอให้ไก่นุ่มๆ จากนั้นก็เอาไปทอดไฟแรง (อาจจะชุบโกกินิ๊ดดดนึง เพื่อให้เพิ่มความกรอบยิ่งขึ้น) พอหนังไก่ดูเหลืองทองน่าทานแล้วก็ตักขึ้นมาพักให้สะเด็ดน้ำมัน  เอาน้ำมันที่ทอดไก่ออกให้เกือบหมด เหลือพอติดกระทะเท่านั้น จากนั้นนำกระเทียมกับซอสมะเขือเทศลงไปผัดให้เข้ากัน เติมซีอิ๊ว น้ำมันหอย ที่สำคัญก็คือเหล้าแดง ไม่งั้นก็ไม่ใช่ไก่เหล้าแดงสิเนอะ ^^ แต่ว่าถ้าใครไม่มีก็ไม่ต้องหามาใส่นะครับ รสชาติมันก็อร่อยอยู่ดี ตักมาชิมสักนิด พอได้รสชาติกลมกล่อมแล้วก็นำปีกไก่ที่ทอดกรอบแล้ว ลงมาคลุกๆๆในน้ำซอส จากนั้นก็ตักใส่จาน เสิร์ฟได้เลย

เกี๊ยวกุ้ง อาหารหรูที่ทำทานได้ง่ายๆที่บ้าน

เกี๊ยวกุ้ง
ถ้าถามคนทั่วๆไปว่าเคยได้กินเกี๊ยวกุ้งครั้งล่าสุดเมื่อไร คงจะตอบว่า นานจนจำไม่ได้แล้วแน่ๆ เพราะว่าเดี๋ยวนี้ ขนาดสั่งบะหมี่เกี๊ยวหมู ยังมีแค่เศษหมูติดแผ่นเกี๊ยวมานิดเดียวเอง เรียกว่า “เฮ้ยนี่มันเกี๊ยวหมูจริงๆเหรอวะ” มาลองดูวิธีการทำเกี๊ยวกุ้งกันดีกว่า เชื่อว่าไม่ยากเกินความสามารถของเพื่อนๆแน่ๆ

สิ่งที่ต้องเตรียมก็จะมีกุ้ง กุ้งก็ไม่ต้องถึงขนาดไปเอากุ้งแม่น้ำตัวเบิ้มๆมาผ่าหลัง แกะเปลือก เพื่อจะมาทำเกี๊ยวหรอกนะครับ เอากุ้งชีแฮ้ตัวเล็กๆนี่แหละ มาแกะเปลือก จากนั้นเราจะใช้ภูมิปัญญาชาวบ้าน อย่างครกกับสากนี่แหละครับ ตำไปเรื่อยๆ อ้ะ เกือบลืมว่า ก่อนจะตำกุ้ง เราก็ต้องโขลก 3 เกลอ (รากผักชี กระเทียม พริกไทย) ให้ละเอียดซะก่อนนะครับ แล้วก็ใส่กุ้งลงไป ตำๆๆๆ สักพักก็จะเหนียว ทีนี้ก็ปรุงรสเลย อาจจะเหยาะซีอิ๊วขาวลงไปนิดหน่อย เกลืออีกนิด จะได้รสชาติครบรส แต่ก็ไม่ถึงขนาดต้องไปหาคนอร์มาใส่นะครับ เสียรสชาติกุ้งเปล่าๆ ทีนี้ก็ได้ไส้เกี๊ยวแล้ว จากนั้นก็แค่นำแป้งเกี๊ยวมาห่อ จากนั้นก็เตรียมเอาไปลวกได้เลย ไม่ว่าจะใส่ในก๋วยเตี๋ยวน้ำ หรือ แห้ง ก็อร่อยแน่นอน คราวนี้ก็ไม่ต้องกินเกี๊ยววิญญาณกุ้งอีกแล้ว โฮะ โฮะ

วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ข้าวหน้าไก่ (ส่วนผสมและวิธีทำ)

ข้าวหน้าไก่ (ส่วนผสมและวิธีทำ)
เครื่องปรุงจะค่อนข้างเยอะเป็นพิเศษ แต่ถ้าจะเอาแบบง่ายๆ ก็จะมี เนื้อไก่ / ซีอิ๊วขาว / ซีอิ๊วดำ / น้ำมันหอย / แป้งมันหรือแป้งมันฮ่องกง / น้ำมันงา น้ำซุป พริกไทย

วิธีทำจะเริ่มจาก หมักไก่ด้วยซีอิ๊วทั้งหลาย น้ำมันหอย น้ำมันงา แป้งมัน พริกไทย กะรสชาติให้เข้มนิดนึงเพราะเดี๋ยวเราเติมน้ำไปรสก็จะจืดลงอีก หมักทิ้งไว้สักพักให้เครื่องปรุงเข้าเนื้อไก่ จากนั้นตั้งกระทะใส่น้ำมันลงไปพอไม่ให้ติดกระทะ ใส่ไก่ลงไปผัดพอสุก จากนั้นเติมน้ำซุปลงไป เคี่ยวสักพัก พอเดือดสักพักน้ำก็จะเหนียวๆ เพราะอานิสงส์จากแป้งมันที่หมักไก่ไว้ และนอกจากทำให้น้ำเหนียวแล้วยังช่วยทำให้ไก่นุ่มเด้งอีกด้วย (บางสูตรก็จะใส่แป้งมันต่างหาก ตอนที่น้ำเดือด อันนี้ก็แล้วแต่สูตรใครก็สูตรใครเนอะ) พอน้ำเหนียวข้นพอดีก็ตักราดข้าว โรยหน้าด้วยผักชี ทานแกล้มกับต้นหอม แตงกวา หรือจะใส่กุนเชียง (ถ้ามี) โดยรวมแล้วก็คล้ายๆกับข้าวหมูแดง เพียงแต่ข้าวหมูแดงจะมีเต้าเจี๊ยว หัวหอม และอื่นๆอีกเยอะแยะเต็มไปหมดเลย

ข้าวหน้าไก่แบบจีน

ข้าวหน้าไก่แบบจีน
พูดถึงข้าวหน้าไก่แล้ว ที่ดังๆในประเทศไทยก็คงหนีไม่พ้น ข้าวหน้าไก่ 5 แยกวัชรพล ซึ่งจะมีสูตรน้ำราดที่ไม่เหมือนใคร จนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าอาจจะไม่ฮิตเท่ากับสมัยก่อน แต่ก็ยังถือเป็นร้านข้าวหน้าไก่ที่นักชิมจะต้องแวะเวียนไปชิมกันอยู่ตลอด

ข้าวหน้าไก่เป็นเมนูที่ผมเองก็พยายามหัดทำอยู่หลายครั้ง บอกได้เลยว่า ไม่เคยอร่อยแม้แต่ครั้งเดียว ต้องเทน้ำทิ้งเหลือแต่เนื้อไก่ เอาไว้ไปทำเมนูอื่นกินแทนตลอด  ระยะหลัง ทำไปทำมาเริ่มจะจับเคล็ดได้ ซึ่งก็คือ อย่าเอาซอสปรุงรส ไปใส่ในน้ำที่ใช้ทำน้ำราดเด็ดขาด เพราะกลิ่นของซอสปรุงรส มันเหมาะที่จะทำพวกหมักหมูย่าง ผัดผัก มากกว่าที่จะมาทำแกงจืด หรือทำน้ำราดอย่างนี้ เพราะลองปรับเปลี่ยนนิดหน่อย หลังๆก็พอที่จะไปวัดไปวากับเค้าเหมือนกัน ไว้วันหน้าจะลองเอาสูตรมาฝากนะครับ 

ไก่แช่เหล้า

ไก่แช่เหล้า
เมนูแบบจีนๆอีกเมนูหนึ่ง เหมาะสำหรับช่วงเทศกาลตรุษจีนโดยเฉพาะ แทนที่จะทำไก่ต้มแบบเดิมๆ ที่ออกไปทางเนื้อแข็งๆเหนียวๆ กินไม่อร่อยปาก พอเหลือก็เอามารวน ทีนี้แข็งโป๊ก เหมาะสำหรับวงเหล้าที่เอาไว้แทะๆกันเพลิน แต่ไม่ค่อยเหมาะกับทานเป็นกับข้าวสักเท่าไร เพราะกว่าจะเคี้ยวได้แต่ละคำ ฟันแทบหัก ฮา
วิธีการทำไก่แช่เหล้า
โดยมากแล้วมักจะใช้ไก่เป็นตัวๆในการทำ เนื่องจากว่าจะได้ให้หนังไก่เก็บความชุ่มชื้นของเนื้อไก่ทั้งหมดไว้ จะได้นุ่มๆ แต่หากทำทานกันเองเล็กๆในบ้าน อาจจะซื้อสะโพกไก่ที่เลาะมาแล้วเป็นชิ้นๆ มาทำก็ได้ รสชาติก็ไม่ได้แตกต่างกันมากสักเท่าไร

โดยขั้นตอนแรกก็จะนำไก่ไปต้มให้สุก จากนั้นให้รีบสะดุ้งน้ำเย็น(น้ำแข็ง) ทันที เพื่อเป็นการช็อคให้ไก่ไม่สุกมากไปกว่านี้ และมีผลดีในการช่วยรักษาไม่ให้ไก่บูดได้ง่ายอีกด้วย จากนั้นก็ผสมเหล้าจีน+พริกไทย+เกลือ นำไปแช่เย็น พอจะทานก็นำเหล้าจีนที่แช่เย็นไว้มาราดที่ตัวไก่ แค่นี้ก็พร้อมเสิร์ฟแล้วครับ ถ้าใครไม่ชอบกินของเย็นๆก็อาจจะรู้สึกแปลกๆไปบ้าง แนะนำว่าไม่ต้องแช่เย็น แต่ให้ราดขณะไก่ยังร้อนๆไปเลย ก็จะอร่อยไปอีกแบบนึง

น้ำจิ้มเต้าหู้ทอด

น้ำจิ้มเต้าหู้ทอด
สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับเต้าหู้ทอด เผือกทอด ก็คือน้ำจิ้ม 
น้ำจิ้มเต้าหู้ที่ดีนั้น จะมีจุดเด่นอยู่ที่ถั่วที่คั่วใหม่ๆ ถั่วที่คั่วใหม่ๆจะเพิ่มความหอมให้แก่น้ำจิ้มเป็นอย่างมาก บางเจ้าใช้ถั่วเก่าๆที่เค้าขายกันตามตลาดมาทำน้ำจิ้ม ทานแล้วก็จะรู้สึกเหม็นหืน เนื่องจากถั่วเก่า บางทีอาจจะแถมเชื้อรามาด้วยอีกต่างหาก
วิธีการคั่วถั่ว ไม่ยากอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าจะทำหรือเปล่าเท่านั้นเอง เพราะว่าคั่วในกระทะไฟอ่อนๆเนี่ย กว่าจะเสร็จก็นานโขอยู่ ไหนจะต้องแกะเปลือกอีก  วิธีที่ผมใช้บ่อยๆก็คือ โยนเข้าไมโครเวฟนั่นเอง โดยการนำถั่วใส่จาน จากนั้นเข้าไมโครเวฟไฟแรง 4 นาที และเปิดมาคลุกๆ แล้วเอาเข้าไปใหม่ ครั้งละ 1-2 นาที จนถั่วเหลืองสุกเรียบร้อย โดยจะใช้เวลารวมๆทั้งหมดไม่เกิน 10 นาที   หรืออีกวิธีสำหรับคนที่มีเตาอบ ก็คือ เข้าเตาอบ ด้วยอุณหภูมิ 210องศาซี สัก 30 นาที ก็กรอบเหลืองน่าทานแล้วครับ
ได้ถั่วแล้วก็มาทำน้ำจิ้มกันต่อดีกว่า

น้ำจิ้มเต้าหู้ทอดก็จะต้องมีส่วนประกอบหลักคือน้ำเชื่อม จะซื้อน้ำเชื่อมมาเลย หรือจะเอาทำ โดยเอาน้ำตาลมาเคี่ยวให้เป็นน้ำเชื่อมก็ได้เหมือนกัน พอได้น้ำเชื่อมแล้วก็ตำ พริก เกลือ และน้ำส้มสายชูลงไปผสม ใส่ถั่วลิสงตามลงไป จากนั้นก็โรยหน้าด้วยผักชี ทีนี้ก็ได้น้ำจิ้มเรียบร้อยแล้วจ้า

วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เต้าหู้ทอด อร่อยแบบไทยทำทานแบบง่าย

เต้าหู้ทอด

เต้าหู้ทอด เผือกทอด มันทอด ข้าวโพดทอด มาแล้วจ้า !! หลายๆคนคงได้ยินกันบ่อยๆนะครับคำนี้ เมนูนี้ มองๆดูแล้ว หากซื้อกินก็น่าจะง่ายและสะดวกกว่ากันเยอะ แต่ถ้าทำทานเอง ก็จะดีตรงที่ว่า เราสามารถที่จะใช้น้ำมันที่ดีหน่อย ไม่ใช้น้ำมันดำๆ เหมือนกับที่เวลาซื้อเค้าทาน มาดูวิธีแบบย่อๆกัน

วิธีการทอดเต้าหู้ก็จะมีสองแบบ อยากได้แข็งๆหน่อย หรือแบบนุ่มๆหน่อย  โดยวิธีแรกก็จะใช้เต้าหู้ถั่วเหลืองมาตัดชิ้นพอดีคำ แล้วทอดด้วยน้ำมันน้อย (น้อยจนแค่ชะโลมกะทะเท่านั้นเอง) ลักษณะการทอดแบบนี้ จะใช้กะทะที่คล้ายๆกับกะทะผัดไท เวลาทอดก็จะกรอบนอกนุ่มใน อมน้ำมันน้อย ใช้ไฟอ่อนทอดไปเรื่อยๆ  กับอีกแบบหนึ่งก็คือ ทอดน้ำมันท่วม อันนี้จะเป็นวิธีทอดแบบจีน คือตั้งน้ำมันให้ท่วมกะทะ ตั้งไฟจนร้อนจัด โยนเต้าหู้ที่หั่นเตรียมไว้ลงไป สักแป้บนึงก็เอาขึ้นมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน แต่การทอดวิธีหลัง จะค่อนข้างกรอบกว่า แต่ก็จะอมน้ำมันมากกว่าเช่นกัน อันนี้ก็แล้วแต่ว่าใครชอบแบบไหนก็ลองทำทานกันดูนะครับ คราวหน้ามาต่อเรื่องน้ำจิ้มเต้าหู้

ลูกชิ้นปลาทำเอง

ลูกชิ้นปลา

ปัจจุบันนี้ ถ้าไม่ใช่ร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อดังที่ขายหมดทุกวันแล้วล่ะก็ โอกาสที่จะได้กินลูกชิ้นปลาบูดๆก็มีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว บางร้านก็คาวซะจนกินไม่ลง บางร้านก็ลูกชิ้นแป้งชัดๆ มาลองดูวิธีทำย่อๆ เผื่อเก็บไว้ทำเองกันดีกว่า
ลูกชิ้นปลามักจะใช้เนื้อปลาอินทรี และปลาดาบผสมกัน โดยวิธีทำก็จะเริ่มจากนำเนื้อปลามาผสมกันและนำเข้าเครื่องปั่นหรือเครื่องบด โดยเวลาจะเข้าเครื่องปั่นก็ใจเย็นๆหน่อย คือ ใส่เนื้อปลาเข้าไปส่วนหนึ่งจากนั้นก็ตามด้วยน้ำแข็งอีกนิด จากนั้นก็ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆจนหมด ทั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มความเด้ง ความเหนียวของลูกชิ้นนั่นเอง จากนั้นก็เติมพริกไทยป่น (อาจใช้พริกไทยดำยี่ห้อดีๆหน่อย จะได้เพิ่มความหอมอีกนิด) และเกลือลงไป ปั่นสักพักจนเข้ากันดีแล้ว ก็นำออกมาเตรียมทำลูกชิ้นได้เลย
วิธีการทำให้เนื้อปลาแปลงร่างเป็นลูกชิ้นก็เริ่มจาก ตั้งน้ำให้เดือดปุดๆ จากนั้นลดไฟลงให้เป็นไฟอ่อน จากนั้นก็ปั้นๆเนื้อปลาที่บดไว้แล้ว ให้กลมๆ และหย่อนลงไปในน้ำที่ต้มรอไว้ ขั้นตอนแรกที่หย่อนลูกชิ้นลงในน้ำที่อุ่นๆก็เพราะว่า เนื้อปลาจะได้อยู่ตัว ถ้าลงน้ำเดือดๆเลยก็อาจจะแตกระเบิกกลายเป็นโกโก้ครั้นได้  ฮา.. พอได้ลูกชิ้นครบแล้ว ทีนี้ก็ปรับให้เป็นไฟแรง รอจนน้ำเดือด ทีนี้ก็นำลูกชิ้นที่ลวกไว้แล้ว ใส่ลงไป สักพักก็จะได้ลูกชิ้นปลาแสนอร่อยที่เอาไว้ทานกับก๋วยเตี๋ยว หรือจะเอาไว้ทานเล่นก็ไม่เสียหาย

** นอกจากพริกไทยและเกลือแล้ว อาจจะมีการใส่ซีอิ๊ว หรือซอสแม็กกี้นิดๆหน่อย เพื่อเพิ่มความหอมก็ได้ แต่ไม่ค่อยนิยมทำกัน เพราะจะทำให้เสียรสชาติที่สดใหม่ของปลา

วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2556

กุ้งอบวุ้นเส้น

กุ้งอบวุ้นเส้น

เมนูกุ้งอบวุ้นเส้นนี้ ถ้าเป็นสมัยก่อนก็จะต้องบอกว่าเป็นอาหารที่หาทานได้ค่อนข้างยาก จะต้องเป็นตามร้านอาหารหรือภัตรคารเท่านั้น ที่จะมีโอกาสได้ทาน แต่สมัยนี้ แค่เดินตลาดนัดก็จะได้เจอกุ้งอบวุ้นเส้นหม้อดินให้เห็นกันเกลื่อนแล้ว วิธีทำนั้นจะว่ายากก็ไม่ถึงกับยากสักเท่าไร ถ้าจะบอกว่าง่ายไปเลยก็ไม่ใช่ เพราะการปรุงจะต้องปรุงให้อร่อยตั้งแต่อยู่ในหม้อเลย ไม่มีโอกาสแก้ไขเหมือนกับการทำอาหารประเภทผัด ซึ่งเราก็จะเห็นได้จาก ร้านที่ขายกุ้งอบวุ้นเส้น มักจะปรุงเครื่องปรุงให้เรียบร้อยและเก็บไว้เป็นโถๆเลย พอลูกค้ามาสั่งก็จะตักน้ำซอสที่หมักไว้มาราดซะ ไปดูส่วนผสมกันครับ
กุ้งอบวุ้นเส้น ก็ต้องมีพระเอกอยู่ที่กุ้งแน่นอน ใครจะใช้กุ้งอะไรก็ตามสะดวกเลยครับ จะเล็กจะใหญ่ก็ได้กลิ่นกุ้งเหมือนกัน ต่อมาก็ต้องมี วุ้นเส้น ขิง ขึ้นช่าย มันหมูหรือหมูสามชั้นหรือเบคอน ผักชี น้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรส น้ำตาล เกลือ กระเทียม
ขั้นตอนการทำ ก็จะเริ่มจากนำมันหมูหรือเบคอนหรือหมูสามชั้น วางที่ก้นหม้อก่อนเลย จากนั้นก็วางขิง กระเทียม พริกไทยดำตามลงไป และตามด้วยวุ้นเส้น (แช่น้ำจนนิ่มเรียบร้อยแล้ว)  นำมาใส่เครื่องปรุงรสลงไป โดยกะปริมาณให้เค็มนำ หวานตาม และสุดท้ายก็โปะกุ้งลงไปบนวุ้นเส้น จากนั้นก็ปิดฝาหม้อดิน นำไปตั้งไฟ ประมาณ 10-15 นาที ก็เตรียมเปิดมาชิมได้เลย

** กุ้งอบวุ้นเส้นนั้น จะมีเอกลักษณ์คือ มีกลิ่นพริกไทยดำนำมาก่อนเลย จากนั้นจึงจะตามด้วยกลิ่นกุ้งผสมกับซีอิ๊ว เหล้าจีนหอมๆ ดังนั้น ถ้าเกิดพอจะหาซื้อพริกไทยดำดีๆมาติดบ้านไว้ได้ โอกาสที่เมนูนี้จะสำเร็จไปได้ด้วยดี ก็มีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว  ซึ่งเดี๋ยวนี้ นอกจากจะทำจากเตาแก๊สแล้ว ยังสามารถทำโดยใช้ไมโครเวฟได้ด้วย ซึ่งวิธีทำและการปรุงก็ไม่ต่างกันมากเท่าไร ถือเป็นเมนูที่ทำได้ไม่ยากนัก ว่างๆวันหยุดก็ลองทำทานกันได้ครับ

วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ขนมจีบ 烧卖

ขนมจีบ

อาหารจีนที่แพร่หลายเป็นอย่างมากในเมืองไทย  ทั้งร้านใหญ่ร้านน้อย ไปถึงรถเข็นข้างทาง ก็ยังมีให้ได้พบกันบ่อยๆ คุณภาพก็จะเปลี่ยนตามราคาที่พบเจอกันไป อย่างเช่น รถเข็นที่เป็นมอเตอร์ไซด์พ่วงข้างที่วิ่งขายตามซอย ขนมจีบก็จะเน้นแป้งกับมันหมูเป็นหลัก กินแก้ขัดก็พอได้ แต่ถ้าหลายลูกหน่อย ก็จะเลี่ยนไม่น้อยเลย มาลองดูวิธีการทำแบบง่ายๆกันนะครับ เผื่อว่าจะได้ทำทานกันเองได้ อาจจะไม่ได้อร่อยมากเท่ากับตามภัตรคารจีนหรูๆ แต่ก็กำหนดได้ว่าจะใส่อะไรแค่ไหน ผงชูรสก็ไม่ต้องใส่มากอย่างเขา ลูกๆหลานๆหรือคนในครอบครัวมาทาน ก็ไม่ต้องได้รับสารพิษอะไรเยอะแยะเท่ากับไปซื้อทาน
ส่วนผสมหลักๆก็จะมี เนื้อหมู + กุ้ง / มันแกว / ไข่ขาว / แป้งข้าวโพด / ซอสปรุงรส น้ำตาลทราย เกลือ น้ำมันงา พริกไทย แล้วก็แผ่นเกี๊ยวที่ใช้ทำขนมจีบ
โดยขั้นตอนการทำ เราก็จะสับเนื้อหมู+กุ้ง ใส่มันแกวลงไปคลุกเคล้ากันให้ดี จากนั้นก็ได้เวลาปรุงรส ใส่แป้งข้าวโพด (เพิ่มเนื้อสัมผัสและความนุ่มหนึบ) ซอสปรุงรส น้ำตาล เกลือ น้ำมันงา แล้วก็พริกไทย ลงไปคลุกเคล้าให้เข้าเนื้อ ทิ้งไว้สักพักพอให้ส่วนผสมเข้ากันได้ดี ดูจากวิธีทำแล้ว ก็คงจะคล้ายๆกับวิธีทำหมูสับดีๆนี่เอง เพียงแต่เราจะเพิ่มมันแกวสับ และน้ำมันงาลงไป เพื่อให้ได้กลิ่นที่มีเอกลักษณ์ของขนมจีบ  พอหมักหมูได้ที่ก็นำมาปั้นและวางลงบนแผ่นเกี๊ยว ห่อให้สวยงาม ตามใจเลยครับ ทีนี้ก็ได้เวลาไปนึ่ง โดยใช้ไฟแรงประมาณสัก 10-15 นาที กะๆเอาว่าหมูน่าจะสุกพอดี ถ้าจะให้ดีก็เปิดมาดูสักลูกนึง จะได้รู้ว่าพอได้หรือยัง เพราะยังไงการทำอาหารก็จะไม่มีอะไรตายตัวอยู่แล้ว สุกเมื่อไรก็เอาขึ้นเมื่อนั้นแหละเนอะ 555+

ขนมจีบมักจะทานคู่กับกระเทียมเจียวกรอบๆและจิ๊กโฉ่ แต่ถ้าเป็นตามเยาวราชหรือภัตรคารบางแห่ง ก็มักจะไม่มีกระเทียมเจียวมาด้วย เพราะเค้าถือว่าทำให้เสียรสชาติของหมูและกุ้งไป

เทมปุระ – กุ้งชุบแป้งทอด

เทมปุระ กุ้งชุบแป้งทอด

อีกหนึ่งเมนูของชาวญี่ปุ่น ที่พยายามทำหลายครั้ง กุ้งก็ยังไม่ยอมยืดตรงเด่วเป็นเส้นตรงเหมือนกับของญี่ปุ่นสักที
ถึงจะบอกว่าเป็นแค่กุ้งชุบแป้งทอดก็ตาม แต่ก็จะมีข้อแตกต่างจากของบ้านเราอยู่นิดหน่อย ตรงที่ว่า แป้งที่ใช้ชุบทอดนั้น ทางฝั่งบ้านเรานี่ก็จะใช้ โกกิถุงเดียวเอาอยู่ แต่ถ้าเป็นของประเทศญี่ปุ่นแล้ว ชนิดของแป้งก็จะเปลี่ยนไปตามประเภทของอาหารที่จะทำ อย่างเทมปุระนี้ ก็จะใช้แป้งเทมปุระในการชุบทอดเลย ซึ่งเดี๋ยวนี้บ้านเราก็หาแป้งเทมปุระไม่ยากแล้ว แมคโคร หรือตามห้างสรรพสินค้าก็มีวางให้เห็นอยู่เหมือนกัน เมื่อมีแป้งเทมปุระแล้ว ก็จัดการผสมน้ำในปริมาณที่พอเหมาะ อันนี้ก็กะๆดูนะครับ อย่าให้ข้นมาก เพราะข้นมากไปมันก็จะไม่กรอบ แต่ถ้าเจือจางมากไป ก็จะไม่มีแป้งเกาะกุ้งอีก

วิธีการทำไม่ยากเลยครับ ตั้งน้ำมันให้เดือด ปรับไฟเป็นไฟกลาง จากนั้นนำกุ้งที่เราดัดหลังแล้ว จุ่มลงในแป้งสาลีซะก่อนรอบนึง เคาะๆเบาๆอย่าให้แป้งสาลีติดตัวกุ้งมากไปนัก เสร็จแล้วก็นำไปจุ่มลงในแป้งเทมปุระที่ผสมไว้เรียบร้อยแล้ว และก็หย่อนลงกระทะได้เลย  ถ้าจะให้ดูโปรๆหน่อย เค้าก็จะพรมน้ำแป้งเทมปุระ ลงบนน้ำมัน ขณะทอดด้วย เพื่อให้มีเกร็ดกรอบๆ เสริมความอร่อยขึ้นมาอีกสักนิด

วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556

김밥 (คิมบับ) ข้าวห่อสาหร่ายเกาหลี

김밥 (คิมบับ) ข้าวห่อสาหร่าย


วัฒนธรรมอาหารของเกาหลี ได้รับอิทธิพลมาจากญี่ปุ่นไม่มากก็น้อย อาหารชนิดหนึ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ คิมบับ บ้างก็เรียกว่ากิมบับ ซึ่งก็คือ ข้าวห่อสาหร่ายสไตล์เกาหลีนั่นเอง
โดยทางข้าวห่อสาหร่ายแบบฉบับเกาหลีนั้น ก็จะมีจุดที่แตกต่างจากข้าวปั้นของประเทศญี่ปุ่นอยู่ตรงที่ การปรุงรสของข้าว โดยถ้าเป็นแบบฉบับกาหลีจะใช้ เกลือ น้ำมันงา งาคั่ว ซึ่งจะออกไปทางเค็มซะมากกว่า แต่ถ้าทางญี่ปุ่นจะเน้นความเปรี้ยวจากน้ำส้มสายชูหมัก น้ำตาล เกลือ ซึ่งจะออกแนวครบรสเสียมากกว่า

ทั้งนี้ในเรื่องไส้ที่ห่อนั้น เราสามารถเลือกปรับอะไรก็ได้ให้เหมาะสมกับความสะดวก ของกินพื้นบ้านของไทยเราเองก็สามารถยัดๆเข้าไปได้เหมือนกัน อย่างของทางเกาหลีที่เขาขึ้นชื่อเรื่องผักดองอยู่แล้ว ก็มักจะมีแตงกวาดองผสมอยู่ในคิมบับอยู่เสมอ ไข่หวานก็เป็นอีกหนึ่งส่วนผสมที่มักจะนิยมใส่ลงในคิมบับ แต่ถ้าเป็นบ้านเรา หาซื้ออะไรได้ก็คงจะจับใส่ลงไป เช่น เนื้อหมู แฮม ปลาทูน่า  ผักที่บ้านเราหาง่ายหน่อยก็พวก กล่ำปลี ถั่วงอก ผักกาดหอม ถ้าลองจับโน่นนิดผสมนี่หน่อย มาผสมกันดู คิดว่าอาจจะอร่อยก็ได้ไม่แพ้กัน

자장면 ชาจังมยอน หมี่ดำเกาหลี อาหารขึ้นชื่อ

ชาจังมยอน

อาหารขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่งของเกาหลี มีสีค่อนข้างดำๆ โดยผลจากซอสถั่วดำ (จาจัง) เป็นซอสที่ชาวเกาหลีนิยมนำมาปรุงอาหาร ลักษณะของการทำชาจังมยอน ก็จะคล้ายๆกับวิธีการทำราดหน้าบ้านเรา คือ ก่อนอื่นก็นำเส้นไปลวกให้สุกเสียก่อน ใส่ได้แทบจะทุกชนิดเลย ไม่ว่าจะเป็นเส้นหมี่ เส้นบะหมี่ โซบะ อุด้ง เสร็จแล้วก็พักไว้ในชาม จากนั้นนำเนื้อสัตว์ (อะไรก็ได้) ลงไปผัดในกระทะให้สุก จากนั้นก็ใส่หัวหอม แตงกวา และพระเอกของงานก็คือ ซอสจาจัง จากนั้นก็ปรุงรสให้เรียบร้อย และเทพรวดพราดลงไปในเส้นที่ได้ลวกไว้แล้ว แค่นี้ก็เสร็จเรียบร้อย

ประโยชน์ของถั่วดำ
ชาวเกาหลีนิยมทานถั่วดำมาก ถึงขนาดเอามาทำเป็นซอสจาจังกันเลยทีเดียว ไปลองดูประโยชน์ของถั่วดำกันดีกว่า
1. สาวๆตาลุกวาว กับสรรพคุณลดความอ้วน ในถั่วดำมีสารที่ช่วยในการดูดซึมสารพิษออกจากร่างกาย และเมื่อสารพิษทั้งหลายออกไปหมดแล้ว ทีนี้สารจากถั่วดำก็จะทำหน้าที่ดูดซึมไขมันในร่างกายได้ ซึ่งทางประเทศเกาหลีเองก็มีการนำผลการวิจัยนี้มาใช้อ้างอิงกันอย่างแพร่หลาย
2. ในถั่วดำอุดมไปด้วยวิตามินอี มีสารแอนโทไซยานินที่จะเพิ่มการทำงานของคลอโลเจน ทำให้ชะลอความแก่ก่อนวัยอันควร บำรุงผิวพรรณ ลดเลือนริ้วรอยจากสิว


ว่าแล้วก็ไปทำชาจังมยอนทานกันดีกว่า 

บูตะโด้ง 豚丼 อร่อยสไตล์ญี่ปุ่น

บูตะโด้ง 豚丼


ถ้าเทียบกับเมืองไทย ก็จะประมาณหมูซีอิ๊วนี่เอง

วิธีทำแบบคร่าวๆ ก็คือ ก่อนอื่นก็หมักหมูที่เตรียมไว้ โดยใส่ มิริน โชยุ สาเก น้ำตาล และก็หมักไว้ให้เครื่องปรุงเข้าเนื้อสัก 3-4 ชั่วโมง แต่ถ้ารีบทานก็หมักไม่ต้องนานมากก็ได้  จากนั้นก็ ตั้งกระทะ เจียวหอมสักนิด และนำหมูลงไปผัดให้สุก พอใกล้จะได้ที่ก็ให้นำน้ำหมักที่เหลือลงไปคลุกๆๆให้เข้ากัน จากนั้นก็ตักราดข้าวได้เลย ส่วนใครมีความสามารถในการจัด ก็สามารถจัดให้สวยๆพูนๆเหมือนของญี่ปุ่นก็น่าทานไปอีกแบบ แต่ถ้าใครอดใจกลิ่นความหอมไม่ไหว ก็ราดข้าวทานกันเล้ย


** เครื่องปรุงอาทิ มิริน โชยุ สาเก จริงๆแล้วจะสร้างเอกลักษณ์ความเป็นอาหารญี่ปุ่นได้มาก แต่หากเราไม่มีแล้วก็ไม่ต้องคิดอะไรมากเลย ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย หยอดๆลงไป ก็อร่อยแบบไทยๆเหมือนกัน แต่ถ้าพอมีงบหน่อย ซื้อมิรินติดบ้านไว้ก็ไม่เลวครับ กลิ่นเหล้าหวานๆหอมๆ ปนกับเนื้อหมู อร่อยอย่าบอกใครเชียว

วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Italian Sausage ไส้กรอกอิตาเลี่ยน เมนูเด็ดของชาวมักกะโรนี


Italian Sausage ไส้กรอกอิตาเลี่ยน เมนูเด็ดของชาวมักกะโรนี

อาหารขึ้นชื่ออย่างหนึ่งของประเทศอิตาลี ก็คือไส้กรอกอิตาเลี่ยน โดยมีส่วนประกอบที่สำคัญได้แก่ เนื้อหมูบด (ติดมัน) ผงปาปิก้า ขิงสับ ผิวเลม่อน ลูกจันทร์ป่น ใบเสจ เร็ดเป้ปเปอร์ เกลือสมุทร โดยจะใช้วิธีบดเครื่องปรุงต่างๆรวมกัน พอหมูสับและเครื่องปรุงทั้งหมดเข้ากันดีแล้ว ก็จะนำมายัดใส่ไส้หมูที่ล้างสะอาดแล้ว จากนั้นก็มัดหัวมัดท้าย นำไปหมักไว้ในตู้เย็นสัก 1-2 คืน จากนั้นก็นำมาปิ้งย่างได้เลย

โดยถ้าดูจากส่วนผสมและวิธีการแล้ว ก็คงจะไม่ต่างไส้กรอกอีสานบ้านเราสักเท่าไร แต่บ้านเราจะประยุกต์เพิ่มปริมาณโดยการนำข้าวเหนียวมาใส่ เพื่อเพิ่มความอิ่มโดยที่ราคาก็จะไม่แพงเท่าไรด้วย ส่วนขิงที่ตามแบบอิตาลีจะต้องสับปนๆเข้าไปกับเนื้อหมู ของไทยเราก็จะแยกออกมาเป็นเครื่องเคียง  พอเห็นอย่างนี้แล้ว ก็อดที่จะชื่นชมภูมิปัญญาชาวบ้านของคนรุ่นเก่าไม่ได้เลย สามารถเอามาประยุกต์จนทุกวันนี้เดินไปที่ไหน ก็จะเห็นไส้กรอกอีสานแทบจะทุกซอยไป ถือเป็นอาหารยอดฮิตของบ้านเราก็ว่าได้นะเนี่ย

ສົ້ວໄກ່ ซุปไก่

อาหารยอดนิยมประจำประเทศลาว - ซุปไก่  (ສົ້ວໄກ່ )

อาหารของชาวลาว จะมีความใกล้เคียงคล้ายคลึงกันกับอาหารไทยเป็นอย่างมาก ด้วยความที่เป็นบ้านพี่เมืองน้องกันมายาวนาน ประกอบกับการเดินทางไปมาหาสู่กันอย่างสม่ำเสมอ วัฒนธรรมอาหารก็กระจายเข้ามาในประเทศไทยด้วย

ซุปไก่ อาหารยอดนิยมอย่างหนึ่งของชาวลาว โดยจะเน้นเครื่องปรุงที่เป็นสมุนไพรหรือผักพื้นบ้านเป็นหลัก สามารถหาทานได้ง่าย แค่ชะโงกหน้าไปสวนหลังบ้านก็มีส่วนผสมสำหรับทำซุปไก่เรียบร้อยแล้ว โดยส่วนประกอบที่สำคัญต่างๆก็ได้แก่ หอมแดง กระเทียม ตะไคร้ ใบสะระแหน่ ใบมะกรูด มะนาว พริก โดยนิยมทานคู่กับข้าวเหนียว ถ้าเทียบกับประเทศไทยแล้วก็คงจะประมาณ ต้นแซ่บ เพียงแต่ว่าถ้าเป็นต้มแซ่บที่กรุงเทพ ชนิดของผักหรือสมุนไพรที่ใส่ ก็อาจจะน้อยกว่าเท่านั้นเอง

ลองไปดูวิธีทำกันดีกว่า



หมูหัน ของอร่อยประจำเกาะฮ่องกง



เที่ยวฮ่องกง อย่าลืมทาน - หมูหัน

     นอกจากการกราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพิธีมงคลต่างๆแล้ว ประเพณีแต่โบราณอย่างหนึ่งของชาวจีนก็คือ การย่างหมู โดยวิธีการย่างหมูก็จะใช้วิธี ใช้เหล็กแหลมเสียบและย่างหมูทั้งตัวบนเตาถ่าน จนหมูกรอบเหลืองไปทั้งตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตรงส่วนหนัง จะมีความกรอบเป็นพิเศษ ส่วนขนาดของหมูที่นำมาใช้ย่างนั้น ก็มักจะใช้ลูกหมู ที่ตัวไม่ใหญ่มาก เพื่อให้จัดลงจานได้พอดี และมีส่วนหนังที่กรอบไปทั้งตัวนั่นเอง

     ประเทศไทยเอง หมูหันก็ได้รับความนิยมจากนักชิมนักทานไม่ใช่น้อยเลย ทั้งนี้ก็เพราะประเทศไทยมีชาวจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยจะเห็นได้จาก เมนูตามภัตรคารอาหารจีนดังๆ จะต้องมีเมนูหมูหันเป็นเมนูแนะนำกันแทบจะทุกร้าน เรียกว่าเป็นเมนูสามัญประจำครัวเลยก็ว่าได้